ยึดรถหรูแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ รวม 9 คัน 120 ล้าน จ่อยึดบ้านอีก 9 หลัง ที่ดิน 16 ไร่
วันที่ 8 ตุลาคม 2567 พลตำรวจตรีวิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. แถลงสรุปการเข้าตรวจค้นยึดอายัดทรัพย์สินของ “แม่ตั๊ก กรกนก” และ “ป๋าเบียร์” ที่วันนี้ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพัก 2 จุด และบริษัทของแม่ตั๊กอีก 1 จุด ยึดของกลางเป็นรถยนต์หรู 4 คัน , รถกระบะ 2 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 5 คัน รวม 11 คัน เมื่อรวมกับที่เคยตรวจยึดรถหรูก่อนหน้านี้ไว้ 5 คัน ทำให้ขณะนี้ถือว่ายึดทรัพย์รถหรูครบทั้งหมดตามที่ปรากฎในโซเชียลมีเดียของแม่ตั๊ก รวมมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท
ทั้งนี้รถบางคันที่ปรากฎในสื่อโซเชียลอาจดูเหมือนมีหลายคัน แต่ความจริงแล้วพบว่าเป็นการนำรถคันเดิมมาติดสติกเกอร์เปลี่ยนสี(แร๊ป) ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลสอบปากคำเจ้าของอู่ที่รับติดสติกเกอร์ดังกล่าว
ส่วนของบ้าน 9 หลังและโฉนดที่ดินอีก 16 แปลง ก็ได้ประสาน ปปง. ตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินต่อไป แต่ในส่วนของพูลวิลล่าที่พัทยานั้น พบว่ามีหลักฐานการจองซื้อ 2 หลัง แต่เนื่องจากพูลวิลล่าดังกล่าวยังไม่เสร็จ จึงยังไม่มีการโอนมาเป็นชื่อแม่ตั๊กกับป๋าเบียร์
ส่วนของเงินสด ตำรวจได้อายัดเงินในบัญชีธนาคารของบริษัทที่ทั้ง 2 คนเป็นกรรมการได้กว่า 24 ล้านบาท แต่ส่วนของทรัพย์สินอื่นๆ เช่นกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู และเครื่องประดับ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการซื้อขาย โดยเบื้องต้นพบข้อมูลนาฬิกา 6 จาก 8 เรือน รวมมูลค่า 28.7 ล้านบาท ที่นำไปล้างทำความสะอาด ว่าซื้อมาจากร้านใดแล้ว
ขณะที่การดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก “เจ๊นุช บางเตย” และ “เมียหรั่ง” เข้าให้ปากคำในวันที่ 10 และ 11 ตุลาคมนี้ โดยเจ้าตัวตอบรับแล้วว่าจะมา โดยไม่ได้หลบหนีออกนอกประเทศดังที่เป็นกระแสข่าวไปก่อนหน้านี้ ส่วนกลุ่มดาราและอินฟลูเอนเซอร์ที่ร่วมไลฟ์ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ารู้เห็นกระทำความผิดด้วยหรือไม่ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม
ทั้งนี้สำนวนมีความคืบหน้าไปกว่า 50% แล้ว และพนักงานสอบสวนก็จะเร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องภายในกำหนดฝากขังแม่ตั๊กและป๋าเบียร์วันที่ 2 พฤศจิกายน
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ลุยค้นบ้านแม่ตั๊ก พ่อเบียร์ 99.99 % ยึดเพิ่มรถหรูมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข
ผกก.1 บก.ปคบ.
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.ท.กิตติพศ คงสูงเนิน พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ.
ได้นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี ไปตรวจค้น จำนวน 2 จุด ดังนี้
1.บ้านพักบริเวณ รามอินทรา 65 แยก 2-2-2 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
2.บ้านพักบริเวณ รามอินทรา 65 แยก 2-4 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
และนำหมายค้นศาลธัญบุรี ไปตรวจค้น จำนวน 1 จุด ดังนี้
1.บริษัท เลดี้คลับ จำกัด หมู่ที่ 4 ต.บึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี วัน เวลา ที่ตรวจค้น วันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 11.00 น.
พฤติการณ์ในการตรวจค้น สืบเนื่องมาจากที่มีผู้เสียหายกับพวก ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ บจก.เคทูเอ็น โกลด์ (ห้างเพชรทองเคทูเอ็น) โดยนายกานต์พล
เรืองอร่าม กรรมการผู้มีอำนาจ กับพวก กรณีผู้เสียหายกับพวกเป็นลูกค้าที่ซื้อทองรูปพรรณพร้อมของแถมกับผู้ต้องหา ซี่งมีการไลฟ์สดแล้วอ้างว่าทองแท้ 99.99 % แต่เมื่อได้รับสินค้าแล้วปรากฏว่าไม่ตรงที่โฆษณาและไม่ได้คุณภาพ ทำให้ได้รับความเสียหาย ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ยื่นคำร้องขอหมายจับ
ผู้ต้องหาต่อศาลอาญา จนกระทั่งจับกุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนแล้วนั้น
ต่อมาวันนี้ (8 ต.ค.67) เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรีเข้าค้นจำนวน 2 จุด และหมายค้นศาลธัญบุรีเข้าค้น จำนวน 1 จุด ข้างต้น ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินจำนวนหลายรายการ ดังนี้
1. รถยนต์ยี่ห้อ PORSCHE รุ่น 911 CARRERA S COUPE สีขาว จำนวน 1 คัน
2. รถยนต์ยี่ห้อ lamborghini สีน้ำเงิน จำนวน 1 คัน
3. รถยนต์ยี่ห้อ FORD รุ่น MUSTANG ECOBOOST FASTBACK สีดำ จำนวน 1 คัน
4. รถยนต์ยี่ห้อ VOLKSWAGEN รุ่น CARAVELLE T69 2.0L สีดำ จำนวน 1 คัน
5.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า จำนวน 2 คัน
6.รถจักรยานยนต์ จำนวน 5 คัน
รวมทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบว่าทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้น เป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องหรือได้มาเกี่ยวกับการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือไม่ โดยได้ประสาน ป.ป.ง. ร่วมตรวจสอบทรัพย์ดังกล่าวด้วย